เมื่อไม่นานมานี้ มีน้องที่รู้จักคนหนึ่ง ได้โพสต์บนโซเชียลส่วนตัว และบ่นอุบอิบว่า หอศิลป์สมัยนี้ มีแต่นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายเซลฟี่ ไม่มีใครเข้ามาชมงานศิลป์จริงๆ จังๆ เลย
เอิ่ม ... แล้วเราล่ะ มาทำอะไรอยู่แถวนี้?
เต็มที่ก็คือพอรับรู้ว่า “สวยดีนะ” หรือ “เหมือนดีนะ” ส่วนคำบรรยายใต้ภาพน่ะหรือ แม้จะพยายามอ่านแล้ว แต่โดยรวมก็ยังไม่เคยเข้าใจ ศิลปินต้องการสื่ออะไร? แล้วเราจะอยากรู้ในสิ่งที่เขาต้องการสื่อหรือ?
ยังดีที่พอได้มุมสวยๆ ในหอศิลป์ มาลั้นลาถ่ายรูปได้บ้าง ถึงยังพอรอดออกมาได้ ... ตรงกับที่น้องเขาบ่นเปี๊ยบเลย
ปกติศิลปะกับวัฒนธรรม มักมาด้วยกันเป็น “แพ็คคู่” อยู่แล้ว ... ศิลปะบางยุค ตอกย้ำเนื้อหา เน้นบอกเล่าเรื่องราว ทำให้รับรู้ได้ว่าผู้คนในยุคสมัยนั้น เขาใช้ชีวิต กิน อยู่ แต่งตัว และทำอะไรกัน อย่างไร ใครเป็นแฟนประวัติศาสตร์ เห็นแล้วดวงตาคงส่องประกายวิบวับ
ในยุคต่อๆ มาวิธีการนำเสนอก็แตกต่างออกไป ความเสมือนจริงค่อยๆ ลดลง ต้องตีความหมายเองมากขึ้น กระทั่งในยุคหลัง ซึ่งกลายเป็นเรื่องของการสื่ออารมณ์ล้วนๆ ใครชอบแบบนั้นก็ชอบไป ... แต่บางคนอาจยกธงขาว และตามด้วยเสียงอ่อยๆ ว่าไม่เข้าใจจริงๆ ดูไปง่วงไป แบบนั้นก็มี 😅
จะว่าไป ... บนโลกที่แตกต่างและหลากหลาย “รสนิยม” ไม่ควรมีคำว่าถูกผิด ถ้าเราเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือหอศิลป์แห่งหนึ่งแล้วไม่ “อิน” นั่นอาจเพราะสิ่งที่ศิลปินต้องการสื่อ ยังไม่ตรงกับความสนใจของเรา ณ เวลานั้น
แม้แต่ความรู้สึกของเรา ที่มีต่องานศิลป์ชิ้นเดิม ในเวลาอื่น ก็อาจไม่เหมือนเดิม ขึ้นกับประสบการณ์และความคาดหวังในชีวิตที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ถ้าวันนี้ เมื่อเราเข้าชมหอศิลป์และทำได้แค่เซลฟี่ (โดยไม่รบกวน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น) ... ทว่าวันหน้า หลังจากที่มีโอกาสได้เข้าชมบ่อยเข้า จนอะไรๆ มัน “ซึมซับ” เข้ามาในหัวบ้าง ครั้งต่อไปก็อาจสามารถชื่นชมงานศิลป์ได้แบบจริงๆ จังๆ กับเขาเหมือนกัน
และโดยส่วนตัว ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นต้องเสแสร้ง ดังที่สอนกันนักหนาในอินเทอร์เน็ต ... ให้ยืนนิ่งๆ ไม่พูดเยอะ กอดอกไว้ เอามือลูบคาง ทำเสียงอือๆ ในลำคอ และพยักหน้าเป็นครั้งคราว
... จะทำไปเพื่อ? (เสียงสูง) 😅
โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือหอศิลป์เองก็มีการปรับตัวเหมือนกัน แทนที่จะเป็นเพียงสถานที่จัดเก็บสิ่งของโบราณ คร่ำครึ แบบที่คนรุ่นใหม่เมิน ก็ค่อยๆ กลายเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และบ่มเพาะแนวคิดใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงผู้คนที่แตกต่าง และรองรับรสนิยมที่หลากหลายมากขึ้น
กระนั้นแล้ว การมีโอกาสได้ “รู้จัก” และ “เข้าใจ” ศิลปะเพิ่มขึ้นอีกนิด ก็อาจช่วยให้การเซลฟี่ในหอศิลป์ครั้งต่อไป สนุกขึ้นอีกเป็นกอง ... “ไทม์ไลน์ 5000 แสง สี วิทย์ ศิลป์” เล่มนี้ จะส่งต่อศิลปะในมุมมองของ “แสง” “สี” และ “วิทยาศาสตร์” ให้ได้เข้าใจกันง่ายๆ
หนังสืออีบุ๊ก ไทม์ไลน์ 5000 แสง สี วิทย์ ศิลป์
อ่านบน meb, ookbee
หนังสือชุด “ไทม์ไลน์ 5000” ความรู้รอบตัวในรูปแบบ e-book โดย ดร.ทิพยาดา ศรีเจริญ















ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น